ผลการติดตามศึกษาผู้ป่วยมะเร็งเต้านมชาวอเมริกันกลุ่มใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา เป็นเวลานาน 9 ปีพบว่า ผู้ป่วยในระยะเริ่มแรกบางกลุ่มที่ไม่ได้รับเคมีบำบัด มีอัตราการรอดชีวิตในระยะยาวไม่ต่างจากกลุ่มที่ได้รับเคมีบำบัดเพื่อป้องกันการเกิดมะเร็งซ้ำแต่อย่างใด
ผลการค้นพบดังกล่าวซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร New England Journal of Medicine ถือเป็นข่าวดีอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมบางกลุ่มที่ไม่ต้องการรับเคมีบำบัด ซึ่งส่งผลข้างเคียงในทางลบต่อสุขภาพร่างกายของผู้ป่วยมะเร็งเป็นอย่างมาก เช่นทำให้อาเจียน อ่อนแรง เจ็บปวดตามเส้นประสาทอย่างถาวร หัวใจล้มเหลว หรือเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้
x
งานวิจัยที่สนับสนุนโดยรัฐบาลสหรัฐฯครั้งนี้ ใช้ชื่อว่า TAILORx จัดทำโดยศูนย์มะเร็งอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ในนครนิวยอร์ก เพื่อวางแนวทางให้แพทย์ใช้ตัดสินใจในการรักษาผู้ป่วยมะเร็งเต้านมได้ถูกต้องและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อคนไข้แต่ละราย
มีการติดตามศึกษาผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะแรก 10,273 คน ซึ่งบางคนได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัดและฮอร์โมน แต่บางคนหลีกเลี่ยงวิธีดังกล่าวและเลือกรับการรักษาด้วยฮอร์โมนเท่านั้น ซึ่งปรากฏว่าในเวลา 9 ปีต่อมา ผู้ป่วยกลุ่มแรกมีอัตราการรอดชีวิตที่ 93.8% ในขณะที่กลุ่มหลังซึ่งไม่ได้รับเคมีบำบัดมีอัตราการรอดชีวิตที่ 93.9%
ผลการศึกษาดังกล่าวชี้ว่า อัตราการรอดชีวิตในระยะเวลาไม่เกิน 10 ปีของผู้ป่วยสองกลุ่มนั้นไม่มีความแตกต่างกัน ทั้งยังชี้ด้วยว่าผู้ป่วยระยะแรกที่มีคะแนนผลตรวจพันธุกรรมหรือยีน 21 ตัว ซึ่งบ่งบอกว่ามีความเสี่ยงเกิดมะเร็งซ้ำสองได้ในระดับปานกลางหรือต่ำนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องรับเคมีบำบัดแต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้ ผู้ป่วยที่มีคะแนนความเสี่ยงเกิดมะเร็งซ้ำในระดับปานกลาง เป็นกลุ่มที่แพทย์ลังเลใจในการสั่งให้เคมีบำบัดมากที่สุด เพราะผลการรักษาที่ตามมาอาจได้ไม่คุ้มเสีย
แนวทางการตัดสินใจแบบใหม่ของแพทย์ดังกล่าว จะทำให้ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะแรกถึง 70% ที่พบในแต่ละปี ไม่ต้องรับการรักษาด้วยเคมีบำบัดอีกต่อไป ซึ่งจะส่งผลให้จำนวนผู้เข้ารับการรักษามะเร็งด้วยเคมีบำบัดทั่วโลกมีแนวโน้มลดลงเรื่อย ๆ
ในปัจจุบัน โรงพยาบาลบางแห่งในสหรัฐฯและสหราชอาณาจักรได้นำเกณฑ์การวินิจฉัยโรคแบบใหม่นี้ มาใช้กับคนไข้มะเร็งเต้านมของตนแล้ว แต่จะไม่รวมถึงผู้ป่วยระยะแรกที่มีอาการรุนแรง ในกรณีที่เซลล์มะเร็งกระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองและมีการกลายพันธุ์ของยีน HER2 เกิดขึ้น
ที่มา : BBC
No comments:
Post a Comment